‘เลทเกม’ รับลูกทีมมีปัญหาทัศนคติ-สัมฯ KDB ไม่มีผล

เบลเยี่ยม โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ นายใหญ่แห่งทัพ เบลเยียม สารภาพว่าปัญหาของพวกเขาอยู่ที่ทัศนคติ เนื่องด้วยลูกทีมเล่นแบบกลัวความพ่ายแพ้ แต่ว่ายืนยันว่าบทสัมภาษณ์ก่อนเกมของ เควิน เดอ บรอยน์ ไม่ส่งผลกระทบใดๆ

คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มาร์ติเนซ คุม “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” แพ้พลิกล็อคต่อ โมร็อกโก 2-0 และตกไปเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มในศึกบอลโลก

หลังจบเกมที่สนาม อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม ที่ปรึกษาชาวสเปน ให้สัมภาษณ์กับ BBC เอ่ยถึง

อาร์ซา เบลเยี่ยม บอลโลก 2022

เบลเยี่ยม กับ ฟอร์มอันน่าผิดหวังของลูกทีม

“ผมคิดว่าปัญหาของเราคือเรื่องทัศนคติ ไม่ใช่เรื่องการขาดคุณภาพ”

“เราเล่นกับบอลได้ดีขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับเกมเจอ แคนาดา และมีหลายจังหวะที่เราเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เป็นผลดีกับทีม แต่จากนั้นเราก็จ่ายบอลพลาดในจังหวะถัดไป เราขาดการประสานงานในพื้นที่สุดท้าย”

“เราไม่สามารถส่งบอลไปถึงผู้เล่นที่มีพื้นที่ว่างได้ และผมคิดว่านั่นเป็นเพราะเราเล่นด้วยความกลัวการพ่ายแพ้”

“นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เพราะตลอด 6 ปีหลังเราเป็นทีมที่หาโอกาสทำประตูได้ตลอด เรายิงประตูติดต่อกันมาเกือบ 50 นัด แต่เกมนี้เราทำแบบนั้นไม่ได้ และนั่นทำให้เราเสียหาย”

“เหล่า ผู้เล่น พยายาม อย่างหนัก เพื่อ ช่วย กัน เล่น เมื่อ ไม่มีบอล และ เมื่อเรา ได้ บอล ผม กลับ ไม่เห็น ความสุข จากเหล่าผู้เล่น และนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไข เรา ต้อง เล่น อย่าง เป็นตัว ของ ตัวเอง ”

เกม สุดท้าย ของ รอบ แบ่ง กลุ่ม เบลเยียม เตรียม ชี้ ชะตา กับ โครเอเชีย รองแชมป์เก่าผู้นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มห่างจากพวกเขา 1 คะแนน

“ตอนนี้เราอาจอยู่ในสถานการณ์ซึ่งเราไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว, เราต้องชนะ โครเอเชีย ให้ได้”

“หากทำได้นั่นจะเป็นการเริ่มต้นอย่างแท้จริงของเราในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพราะเราเป็นทีมที่พรสวรรค์อยู่แล้ว และแนวรุกของเราก็มีคุณภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเรามาตลอด”

ก่อนลงเตะเกมนี้ เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญ ยอมรับว่าพวกเขาไม่มีโอกาสคว้าแชมป์โลกที่ กาตาร์ เนื่องจากอายุของผู้เล่นในทีมที่มากเกินไป ซึ่ง มาร์ติเนซ ก็ถูกถามถึงบทสัมภาษณ์ดังกล่าว

“ผมเองก็เพิ่งได้ยินบทสัมภาษณ์เป็นครั้งแรก ดังนั้นผมคิดว่าคงไม่มีใครรับรู้ถึงคำพูดเหล่านั้นมาก่อน”

“ผู้เล่นมีสิทธิเสนอมุมมองของเขาได้เมื่อมีคนตั้งคำถาม แต่ผมคิดว่าเราทุกคนมีประสบการณ์มากพอ เรารู้จักกันและกันมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว และผมไม่คิดว่าบทสัมภาษณ์นั้นมีส่วนช่วยให้เราชนะ หรือทำให้เราเสียสมาธิจนแพ้แต่อย่างใด”

“ผมได้เห็นภาษากายของลูกทีมในเกมนี้ พวกเขามีสมาธิและดูสดชื่นมาก พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือกันและกัน”

“เรายังไม่ได้เห็น เบลเยียม ในฟอร์มที่ดีที่สุด รวมถึงในเกมนี้ด้วย ผมคิดว่ามันยุติธรรมแล้วที่จะพูดแบบนั้น

“เราไม่เคยขาดความมุ่งมั่นหรือความกระหายที่จะใช้ประสบการณ์เพื่อคว้าชัยชนะ แต่เราไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่อได้ครองบอล”

“ทั้งทีมเล่นแบบแบกความรับผิดชอบมากเกินไป เราต้องหาอิสระในการเล่นของเราให้เจอ และแสดงมันออกมาอีกครั้ง”

เป็นอีกนัดที่ เอแด็ง อาซาร์ ถูกเปลี่ยนออกภายหลังเล่นได้เพียงชั่วโมงกว่า และ มาร์ติเนซ ก็กล่าวเพิ่มเติมถึงกัปตันทีมของเขา

“เราเรียนรู้จากเรื่องในอดีต และบทบาทของ เอแด็ง คือการลงเล่น 60 นาที”

“วันนี้เขาเล่นได้แข็งแกร่งมาก อาจจะเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาที่ผมเคยเห็น นับตั้งแต่เกมกับ โปรตุเกส ในฟุตบอลยูโรปีที่แล้ว”

โมร็อคโก เบลเยี่ยม ฟุตบอลโลก

เบลเยียม หมดสภาพ! โมร็อกโก ทำแสบแซงยึดฝูงเพิ่มโอกาสเข้ารอบ

ระหว่างที่ วาลิด เรกรากุย ผู้ฝึกสอนทีมชาติโมร็อกโก พาทีมเสมอโครเอเชียแบบเซอร์ไพรส์ 0-0 ในนัดแรก ทำให้ไม่แพ้มา 5 เกมแล้ว

ครึ่งแรกเปิดตัวมาได้เพียง 5 นาที เบลเยียม เกือบขึ้นนำเร็วจากจังหวะที่ ธอร์กาน อาซาร์ แทงทะลุช่องให้ มิชี่ บัตชูอายี่ หลุดเดี่ยวมายิงเสาแรกไปยังติดเซฟ ยาสซีน บูนู

เบลเยียม แปลงเป็นฝ่ายที่ครอง บอลบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว นาที 19 โธมัส เมอร์นิเยร์ เพิ่มขึ้นมาได้กดด้วยขวาในเขตโทษแต่ว่าบอลยังพุ่งไปตรงตัว ยาสซีน บูนู เบลเยี่ยม โมร็อกโก

หลังจากนั้น โมร็อกโก ได้สวนกลับมาบ้าง และได้ลุ้นครั้งแรก ในนาทีที่ 21 จากลูกยิงแถวสองของ ฮาคิม ซิเย็ค บอลเหาะข้ามคาน

นาที 35 โมร็อกโก ได้โอกาสทองคำเมื่อ อาชราฟ ฮาคิมี่ ดึงหลุดเข้าเขตโทษก่อนที่จะทำการตัดสินใจซัดเองบอลหลุดกรอบออกไปแบบน่าผิดหวัง

จนกระทั่งช่วงทดเวลานาที 45+1 โมร็อก ชวดได้ประตูขึ้นนำ หลังจาก ฮาคิม ซิเย็ค ปั่นฟรีคิกกึ่งยิงกึ่งผ่านส่งบอลตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินได้รับสัญญาณ VAR ก่อนจะไปดูจอด้วยตัวเอง และริบประตูคืนเนื่องจาก โรแม็ง ซาอิสส์ ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าเจตนาเล่นบอลเป็นการทำลายสมาธิของผู้รักษาประตู ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอ 0-0

ครึ่งหลังนาที 50 โมร็อกโก ได้ลุ้นก่อน ฮาคิม ซิเย็ค ลองปั่นด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลยังพุ่งไปตรงตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์

นาที52 เบลเยียม โต้กลับมา เอแด็น อาซาร์ กระชากเข้าเขตโทษแล้วยิงยัดเสาแรก ยังไม่ผ่านมือ ยาสซีน บูนู

นาที 57โมร็อกโก น่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ โซฟิยาน บูฟัล ลากบอลตัดเข้าเขตโทษแล้วปั่นด้วยขวาส่งบอลหลุดเสาไกลไปนิดเดียวเท่านั้น

นาที66 ดรีส์ เมอร์เทนส์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาได้โอกาสสับไกด้วยขวาในกรอบเขตโทษแต่ยังติดเซฟของ ยาสซีน บูนู ปัดทิ้งออกมาได้อีก

จนกระทั่งนาทีที่ 74 โมร็อกโก ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 สำเร็จ อับเบลฮามิด ซาบิรี่ ปั่นฟรีคิกจากริมเส้นฝั่งซ้ายบอลกระดอนพื้นก่อนเสียบเสาแรกเข้าไป

นาที 82 เบลเยียม เกือบตามตีเสมอจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาบอลลอยมาเข้าหัว ยาน แฟร์ต็องเกน โหม่งย้อนไปเสาไกลบอลหลุดกรอบไปนิดเดียว

เท่านั้นไม่พอชว่งทดเวลานาที 90+2 ฮาคิม ซิเยค ลากบอลมาทางกราบขวาแล้วไหลมาที่หน้าปากประตูให้ ซากาเรีย อาบูคลาล ยิงด้วยขวาแบบไม่จับส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมเข้าไป

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม โมร็อกโก เอาชนะ เบลเยียม 2-0 ประเดิมสามคะแนนแรกขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มเอฟ ส่วนทีม “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” มี 3 คะแนนอยู่อันดับสอง โดยโปรแกรมนัดสุดท้าย โมร็อกโก จะพบ แคนาดา ส่วน เบลเยียม ดวล โครเอเชีย วันที่ 1 ธ.ค.นี้