คาเซมิโร : ยอดกลางรับที่บราซิลขาดไม่ได้ในฟุตบอลโลก 2022

คาเซมิโร ทีม ชาติ บราซิล ถือ เป็น หนึ่ง ใน ตัวเต็ง ของ การแข่งขันบอล โลก 2022 พวกเขา มี ทีม ที่ ยอดเยี่ยม มากมายๆไม่ว่าจะเป็น เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ หรือริชาร์ลิซอน ทั้งสิ้นต่างเป็นตัวรุกชั้นยอดที่อยู่ภายใต้ความพึงพอใจตลอดทัวร์นาเมนต์

แม้กระนั้นอีก คน หนึ่ง ที่ สำคัญ มาก ของ ทีม ชาติ บราซิล คือ คาเซมิโร กองกลาง ตัวเก่ง จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ในแดนกลางของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม แม้กระนั้นยังก้าวมาเป็นวีรบุรุษในเกมที่ทีมชาติบราซิลเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ 1-0

ไม่ใช่ เรื่อง แปลก อะไร เพราะ คาเซมิโร คือยอดนักฟุตบอล กองกลาง ตัว รับ ทีมชาติ บราซิล ที่ พิสูจน์ ความยอดเยี่ยม ของเขา ในกีฬาบอลมา นับสิบปี แม้กระนั้นเขา สำคัญ กว่า เดิม กับ ภารกิจ พา บราซิล ล่า แชมป์บอลโลก 2022

พวกเราใช้โอกาสนี้หาเหตุผลว่า ทำไมคาเซมิโร่นับว่าเป็นกองกลางที่ขาดไม่ได้ของทีมชาติบราซิล และอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ช่วยพาทัพเซเลเซาครองแชมป์โลกสมัยที่ 6 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

คาเซมิโร ปัดกวาดเกมรับ

ทุกคนคงเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า คาเซมิโร่ นับว่าเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่มีจุดแข็ง หัวข้อการ ทำลาย เกมรุก ของ คู่แข่ง ก่อน ถึง พื้นที่ สุดท้าย นักเตะรายนี้ก็เลยช่วยแบ่งภาระงานของกองหลังให้ง่ายมากยิ่งขึ้นมากมาย

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ติอาโก้ ซิลวา ซึ่งไม่จำเป็นที่ต้องอ่อนล้าหนักเสมือนเล่นให้เชลซี ขณะสวมเสื้อทีมชาติบราซิล

หน้าที่หลักของคาเซมิโร่ในทีมชุดนี้ ก็เลยหนีไม่พ้น การ เป็น ด่าน แรก ก่อน แนวรุก คู่แข่ง จะหลุด ทะลุ ไป ถึง แนวรับ เขา จะ เข้า ตัด เกม ก่อน ใคร โดย ไม่ ลังเล เพื่อทำให้การขึ้นเกมของทีมคู่แข่งลำบากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ยิ่งด้วยทีมชาติบราซิลคือทีมเน้นย้ำเกมรุกเป็นหลัก นั่นก็เลยทำให้พวกเขาเลือกดันผู้เล่นเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ เพื่อบีบคั้นคู่แข่งระหว่างการสร้างเกมรุก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิธีการแบบนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับการทำแต้มแก่ทีมชาติบราซิลได้มากมาย

แม้กระนั้นทางกลับกัน คู่แข่งจะสามารถหาช่องว่างเล่นเกมโต้กลับอย่างสบาย หลังเกมรุกบราซิลสร้างความบกพร่องในแดนบน ซึ่งที่ปรึกษาของทีมอย่าง ติเต้ ทราบข้อบกพร่องข้อนี้ดี

คาเซมิโร่ ก็เลยถูกสั่งให้รอดักจังหวะเหล่านี้เอาไว้ และแน่ๆว่าประสิทธิภาพของกองกลางจากเรอัล มาดริด ที่รับประกันความได้เปรียบกว่านักเตะทั่วไป คาเซมิโร่เกือบจะไม่สร้างความบกพร่องในเกมรับให้เห็น ส่งผลให้การเล่นของทีมชาติบราซิลในรูปภาพรวม ดูออกมาน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

เพิ่มความหลากหลาย

คาเซมิโร่ไม่ได้มีดีเพียงแค่การตัดเกมคู่ต่อสู้อันเป็นหน้าที่หลักของเขาเท่านั้น แม้กระนั้นนักเตะรายนี้ยังช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับทีมชาติบราซิลในหลายมิติ

ตัวอย่างที่เห็นกระจ่างเจนที่สุด คือเกมล่าสุดที่พวกเขาเจอกับเทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อทีมชาติบราซิลขาดแนวรุกเบอร์หนึ่งของทีมอย่างเนย์มาร์ เพราะเหตุว่าอาการบาดเจ็บในเกมที่เจอกับทีมชาติเซอร์เบีย

ความจำกัดตรงนี้ส่งผลให้ติเต้จำเป็นที่จะต้องแก้แทคติกของทีมชาติบราซิล จากเดิมที่เนย์มาร์ถูกกำหนดหน้าที่ในฐานะตัวสร้างสรรค์เกมของทีม กองทัพเซเลเซาจำเป็นที่จะต้องหานักเตะรายใหม่เข้ามาดึงตัวแทบกัน รวมถึงเรียกจังหวะทำฟาวล์ให้กับทีม

เมื่อพวกเราหันกลับมามองการเล่นในระบบ 4-2-3-1 ที่บราซิลเลือกใช้ในเกมแรกกับทีมชาติเซอร์เบีย คาเซมิโร่จะเล่นอยู่ในแผงกองกลางร่วมกับนักเตะที่เล่นเกมรุก และสามารถพาบอลไปกับตัวได้ดี ยกตัวอย่างเช่น เฟร็ด, ลูคัส ปาเกต้า และบรูโน่ กีมาเรส

โดยข้อดีสำหรับการเล่นแผนนี้คือ คาเซมิโร่จะได้โฟกัสกับเกมรับอย่างเต็มที่ รวมถึงแทคติกจะมีความยืดหยุ่นมากมายอีกด้วย แม้กระนั้นเมื่อเนย์มาร์หายไป ติเต้ที่ต้องการผู้เล่นเกมรุกเพิ่มขึ้น ก็เลยเลือกเปลี่ยนแผนเป็นระบบ 4-3-3

คาเซมิโร่ก็เลยจะต้องยืนตำแหน่งกองกลางเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าหากเป็นนักเตะรายอื่นที่ฝีเท้าไม่ถึง แฟนบอลทั่วโลกย่อมได้เห็นปัญหาในแดนกลางของบราซิลในเกมนี้

แม้กระนั้นเพราะเหตุว่ามาตรฐานของคาเซมิโร่ แทคติกใหม่ของติเต้ก็เลยไม่ได้ทำให้กรรมวิธีการเล่นของทีมชาติบราซิลห่วยลงแต่อย่างใด

คาเซมิโร่ก็เลยเป็นเหตุผลเดียว ที่ทำให้บราซิลสามารถเลือกเล่นได้ทั้งยังแผนกองกลางตัวรับคนเดียว หรือกองกลางตัวรับสองคน ซึ่งเอามาสู่ความหลากหลายสำหรับการเล่นของกองทัพเซเลเซา จนสามารถปิดบัญชีคู่แข่งอย่างสวิตเซอร์แลนด์ลงได้ แม้จะไม่มีผู้เล่นคนสำคัญแบบเนย์มาร์

อาวุธลับ

การทำประตูนับว่าเป็นเรื่องด้านหลังๆที่พวกเราจะร้องขอได้จากกองกลางตัวรับ เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่หลักของพวกเขาสำหรับการเล่นเลยแม้แต่น้อยมาก

แม้กระนั้นสำหรับ คาเซมิโร่ การสร้างสมดุลกับทีมไม่ใช่อย่างเดียวที่เขาทำได้ดี เพราะนักเตะรายนี้ยังนับว่าเป็นตัวจบสกอร์ชั้นยอดในแบบที่แฟนบอลทั่วโลกไม่จำเป็นที่ต้องแปลกใจ

เพราะเหตุว่าการทำประตูนับว่าเป็นอาวุธลับของคาเซมิโร่ หากแม้ในสีเสื้อทีมชาติบราซิล เขาจะยิงได้ไม่ถึง 10 ประตูเลย แม้กระนั้นการเติมเกมรุกขึ้นมาปิดบัญชีคู่แข่ง นับว่าเป็นสิ่งที่นักเตะรายนี้ทำอยู่ตลอดขณะลงเล่นให้บ้านเกิด

เพราะเหตุว่าความอยากที่พร้อมจะก้าวขึ้นไปทำแต้มในช่วงในขณะที่บีบคั้น แม้แต่นัดชิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คาเซมิโร่ยังเคยทำแต้มได้มาแล้ว

นั่นก็เลยทำให้บราซิลเลือกใช้ลูกยิงคาเซมิโร่เป็นการปลดล็อคเกมในช่วงด้านหลัง ถ้าหากวันใดกองทัพเซเลเซากำเนิดเจอเกมที่ยากลำบากขึ้นมา และประตูของเขาในเกมเอาชนะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ นับว่าเป็นตัวอย่างชั้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า กระบวนการทำประตูสามารถเป็นอาวุธลับของคาเซมิโร่ได้เช่นไร ? เมื่อความสามารถชั้นยอดสำหรับการทำประตูแบบไม่ต้องจับ นับว่าเป็นสิ่งที่คาเซมิโร่ได้เรียนรู้ ในเวลาที่ยังคงเป็นดาวรุ่ง และลงเล่นในตำแหน่งแนวรุกมาก่อน

ถึงเขาจะเปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เมื่อเข้าคัดตัวในทีมชุดเยาวชน แม้กระนั้นเบื้องต้นการจบสกอร์ตรงนี้กลับไม่เคยหายไป แฟนบอลก็เลยมักเห็นลูกยิงสุดงามจากเขาอยู่เรื่อยๆหากแม้มันจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักก็ตาม

คาเซมิโร่ ก็เลยนับว่าเป็นกองกลางคนสำคัญของทีมชาติบราซิล ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้เกมแดนกลางของพวกเขากุมการได้เปรียบ แม้กระนั้นยังเป็นอาวุธลับสำหรับการทำแต้มได้อีก นั่นก็เลยคงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากสุดท้ายทีมชาติบราซิลจะครองแชมป์บอลโลก เพราะเขามีนักเตะที่สมบูรณ์แบบระดับคาเซมิโร่อยู่ในทีมนั่นเอง